ใยแก้วนำแสง (Fiber Optic)

สำหรับไฟเบอร์ออพติคนั้นได้รับการพัฒนามาใช้ในการติดต่อสื่อสารในรูปแบบการส่งผ่านข้อมูลด้วยความเร็วสุูงเทียบเท่าแสง ทำให้สามารถที่จะรับส่งผ่านข้อมูลระหว่างตัวรับกับตัวส่งเพียงระยะเวลาที่สั้นมาก และรับ-ส่งข้อมูลได้คราวละมากๆ อีกด้วย อย่างเช่นข้อมูลที่เป็นภาพถ่ายซึ่งจะมีขนาดของข้อมูลนั้นใหญ่มาก มีขนาดเป็น MB ขึ้นไป ซึ่งข้อมูลในระดับนี้จะทำให้โหลดช้ามากจึงต้องใช้การรับส่งด้วยอัตราเร็วสูงอย่าง Fiber optic มารองรับ

เส้นใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) จะเป็นเส้นใยแก้วที่มีขนาดเล็กมากและภายในเส้นใยนั้นก็จะเป็นตัวนำแสง ภายในโครงสร้างของตัวเส้นใยจะเป็นเส้นทางให้แสงวิ่งผ่านไปได้ ซึ่งจะเรียกกันว่า CORE และถัดออกมานั้นจะเป็นส่วนที่หุ้มอยู่และจะเรียกว่า CLAD และทั้ง CLAD และ CORE ก็จะเป็นสารที่ไม่เป็นตัวนำ ที่เรียกว่า Dielectric และมีความใส

แสงที่เดินทางผ่านในเส้นใยได้นั้นก็เนื่องมาจาก การทำให้ CLAD มีดัชนีการหักเหของแสงน้อยกว่า CORE อยู่ประมาณ 0.2 - 3% และก็ใช้ปรากฎการณ์สะท้อนกลับของแสง ก็จะทำให้แสงเดินทางผ่านไปได้นั่นเอง

ขนาดของเส้นใยแก้วนั้นจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่เล็กมากเทียบเท่าเส้นผม โดยถ้าวัดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางภายนอกก็จะอยู่ที่ประมาณ 0.1 mm ส่วนที่เป็น CORE ที่อยู่ภายในนั้นจะเป็นเส้นทางที่แสงเดินทางผ่าน ซึ่งก็จะมีขนาดที่เล็กมาก

ซึ่งเทคโนโลยีนี้ก็ได้ถูกนำมาใช้ในการรับส่งข้อมูลภาพให้กับกล้อง CCTV ด้วยเช่นกัน ทำให้เวลาที่ได้ประมวลผลภาพออกมานั้นจะได้ภาพไม่กระตุกที่เป็นผลมาจากการรับส่งข้อมูล ซึ่งจะเห็นได้ชัดกับสายสัญญาณอนาล็อคที่มีอัตราการรับส่งข้อมูลที่ต่ำกว่ามาก จึงไม่นิยมรับ-ส่งข้อมูลในระยะไกล แต่ถ้าต้องการส่งผ่านข้อมูลในระยะหลายกิโลเมตรแล้วนั้นจำเป็นเที่จะต้องใช้การรับส่งสัญญาณภาพแบบ Fiber optic